เมืองหลวงญี่ปุ่น :  มี 47 จังหวัด และ 8 ภูมิภาค เมืองหลวงชื่อ “โตเกียว” ที่แปลว่า เมืองหลวงทิศตะวันออก ซึ่งมีประชากรเกือบ 14 ล้านคน ตั้งอยู่บนเกาะฮนชู

ธงชาติญี่ปุ่น : ธงชาติมีสัญลักษณ์พระอาทิตย์ตรงกลาง มา จากความเชื่อว่า จักรพรรดิสืบเชื้อสายจาก สุริยะเทวี นามว่า อามาเทราสุ ชื่อประเทศ “นิฮน” ก็หมายถึง ต้นกำ เนิดจากพระอาทิตย์ เช่นกัน 

ประเทศญี่ปุ่น มี 4 ฤดูกาลแบบฝรั่ง สามารถเรียงลำดับฤดูกาล คือ 

SPRING (ฤดูใบไม้ผลิ)

ช่วงเดือนมีนาคม – พฤษภาคม 

ฤดูใบไม้ผลิ  เริ่มต้นในเดือนมีนาคมเรื่อยไปจนถึงเดือนพฤษภาคม เป็นช่วงที่ดอกไม้เริ่มผลิบาน เป็นฤดูที่น่าเที่ยวมากที่สุด โดยเฉพาะช่วงเดือนเมษายน เป็นเดือนที่ดอกซากุระกำลังบานสะพรั่ง พื้นที่ส่วนใหญ่จะปกคลุมเต็มไปด้วยสีชมพูและสีขาว ชาวญี่ปุ่นจะพากันเอาเสื่อมาปูใต้ต้นซากุระ และจิบสาเก พร้อมกับชมซากุระไปด้วย โดยเฉพาะสวนซากุระที่ศาลเจ้าเฮย์อัน ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นสวนซากุระที่สวยที่สุด แต่น่าเสียดายซากุระนี้จะบานอยู่เพียง 1-2 สัปดาห์เท่านั้น อุณภูมิช่วงนี้อยู่ที่ประมาณ 12-16 องศา 

SUMMER (ฤดูร้อน)

ช่วงเดือนมิถุนายน -สิงหาคม

ฤดูร้อน ในญี่ปุ่นเริ่มในเดือนมิถุนายน ซึ่งก่อนหน้านี้จะมีฝนตกอยู่ประมาณ 5 อาทิตย์ ทำให้ซากุระร่วงหมด แต่จะกลายเป็นการเริ่มต้นฤดูการปลูกข้าวของชาวนา อากาศจะเริ่มอบอุ่นขึ้นเรื่อยๆ ฤดูนี้จะเป็นฤดูที่ให้ความสนุกสนาน เพราะมีเทศกาลประจำปีต่างๆ มากมายรวมทั้งการเฉลิมฉลองต่างๆ ถือว่าเป็นช่วงการท่องเที่ยว และพักผ่อนตากอากาศ สถานที่ท่องเที่ยวจึงเต็มไปด้วยชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติ โดยเฉพาะแถบชายทะเล ภูเขา ท้องฟ้าสีสวยงาม เหมาะกับคนที่ชื่นชอบถ่ายภาพ และในฤดูนี้มีผลไม้ออกมามากมาย อุณภูมิช่วงนี้อยู่ที่ประมาณ 28 -38 องศา 

AUTUMN (ฤดูใบไม้ร่วง)

ช่วงเดือนกันยายน – พฤศจิกายน

ฤดูใบไม้ร่วง ในญี่ปุ่นจะเริ่มในเดือนกันยายนจนถึงเดือนพฤศจิกายน เป็นช่วงที่อากาศดี เพราะหลังจากผ่านฤดูร้อน ลมเย็นจะค่อยๆ มาแทนที่ เหล่าดอกไม้ ใบไม้ ธรรมชาติป่าไม้ พฤกษานานาพันธุ์ต่างๆ จะเริ่มพลัดสีจากสีเขียวเป็นแดง ส้ม เหลือง และร่วงหล่นมา ในฤดูนี้นับว่าเป็นฤดูที่มีสีสันมากที่สุดตามภูเขาในป่า สวนสาธารณะจะเต็มไปด้วยสีแดง ส้ม เหลือง ชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะใช้เวลานี้เป็นแห่งการพักผ่อน เล่นกีฬา ดนตรี อุณภูมิช่วงนี้อยู่ที่ประมาณ 14-18 องศา

WINTER (ฤดูหนาว)

ช่วงเดือนธันวาคม – กุมภาพันธ์  

ฤดูหนาว ของญี่ปุ่นเริ่มต้นในราวเดือนธันวาคมไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ เป็นช่วงที่หนาวเย็น ทุกสถานที่เต็มที่ด้วยหิมะปกคลุมขาวโพลนไปทั่วทุกที่ โดยเฉพาะในทางภาคเหนือ น้ำในแม่น้ำลำคลอง และทะเลสาป บางแห่งจะกลายเป็นน้ำแข็ง ชาวญี่ปุ่นทั้งเด็กเล้กและผู้ใหญ่ส่วนใหญ่ พากันออกมาเที่ยวเล่นเสก็ตน้ำแข็งกัน ส่วนบนภูเขาก็จะมีการเล่นสกีกันอย่างสนุกนาน ในเมืองซัปโปโร ที่เกาะฮออกไกโด จะมีงาน “เทศกาลหิมะ” เฉลิมฉลองกันอย่างเต็มที่ เป็นงานเทศกาลใหญ่ระดับโลกก็ว่าได้ มีการประกวดการปั้นหิมะเป็นรูปสถาปัตยกรรม สิ่งก่อสร้างในประเทศในประเทศต่างๆ นอกจากนี้เป็นช่วงฤดูหนาว ถือว่าเป็นช่วงแห่งความสุขของครอบครัว เพราะทุกคนจะพากันนั่งผิงไฟ รวมกันพูดคุยกัน โดยเฉพาะวันสำคัญที่เด็กๆ และทุกคนต่างกันรอเพราะถือว่าเป็นดีที่สุดในรอบปี นั่นคือวันคริสต์มาสและวันปีใหม่ เพราะทุกที่จะมีการประดับแตกแต่งด้วยไฟสีสันสวยงาม อุณภูมิช่วงนี้อยู่ที่ประมาณ 1-8 องศา 

รู้หรือไม่ : ในปฏิทินโบราณมีตั้ง 24 ฤดู เชียวนะ เพราะญี่ปุ่นมีอากาศที่เปลี่ยนแปลงตลอดทั้งปี

ดอกซากุระ

ตัวแทนแห่งฤดูใบไม้ผลิ หมายถึง ความสำ เร็จ และหัวใจที่เข้มแข็ง 

ดอกเบญจมาศ

ตัวแทนแห่งฤดูใบไม้ร่วง หมายถึง อายุยืน ความสูงส่ง

อนิเมะ 「アニメ」

คำว่า อะนิเมะ มาจากคำว่า แอนิเมชัน” (animation)  ซึ่งการ์ตูนญี่ปุ่นจะมีหลากหลายแนว เช่น สยองขวัญ ,ผจญภัย , แอ็กชั่น, โรแมนติก ,แฟนตาซี ,ทำอาหาร ,โศกนาฏกรรม และอื่นๆ อีกมากมาย มีทั้งรูปแบบภาพยนต์ และซีรีย์  ซึ่งลายเส้นการ์ตูนจากสมัยก่อน จนถึงมายุคปัจจุบัน มีการพัฒนาทั้งภาพเคลื่อนไหว และกราฟิก ออกมาสวยงามมากๆ  ซึ่งทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ต่างหันมาสนใจการ์ตูนญี่ปุ่นกันเยอะ เพราะเนื้อหาของการ์ตูนนอกจากจะสร้างความบันเทิงแล้ว ยังมีให้แง่คิด คำสอนต่างๆ เราสามารถเรียนรู้ได้จากการดูการ์ตูนได้อีกเช่นเดียวกัน

ในปัจจุบันการ์ตูนที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาล อันดับ 1 ดาบพิฆาตอสูร เดอะมูฟวี่ : ศึกรถไฟสู่นิรันดร์ อันดับ 2 Spirited away มิติวิญญาณมหัศจรรย์ อันดับ 3 หลับตาฝัน ถึงชื่อเธอ  ทุกคนสามารถตามไปดูอนิเมะ ทั้งเรื่องเก่าและใหม่ มีมาให้ตามเก็บอีกเพียบเลยนะครับ 

ชาวญี่ปุ่นมีความใส่ใจและพิถีพิถันในการคัดสรรวัตถุดิบจากแหล่งท้องถิ่นในย่านต่างๆ ทำให้อาหารประเทศญี่ปุ่น มีชื่อเสียงอาหารที่เป็นประจำท้องถิ่นในย่านนั้นๆ อีกด้วย ซึ่งอาหารญี่ปุ่นหลักๆก็คือ  ซูชิ ปลาดิบ ประเภทย่าง ยากิโตริ โซบะ ราเมง สุกี้ยากี้ เท็มปุระ ข้าวปั้น ฯลฯ 

ประเภทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

ซึ่งต้นกำเนิดจากญี่ปุ่นคือ เหล้าสาเกหรือเรียกกันว่า นิฮงชุ ใช้วิธีการหมักข้าว ส่วนใหญ่มักใช้ดื่มในงานเฉลิมฉลองต่าง ๆ อีกทั้งยังใช้เวลาประกอบพิธีกรรมทางศาสนา รวมถึงโชจู “วอดก้าแห่งญี่ปุ่น” เป็นเหล้ากลั่นที่ทำจากข้าว ข้าวบาร์เลย์  มันเทศ มักนิยมใช้ทำเป็นเครื่องดื่มค็อกเทลโดยผสมกับเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ เช่น โชจูผสมน้ำผลไม้หรือซอฟท์ดริ้งค์จะเป็นชูไฮ เป็นต้น

ชา

ชาวญี่ปุ่นมักจะนิยมดื่มชา  ซึ่งชาในญี่ปุ่นมีหลายชนิดขึ้นอยู่กับกรรมวิธีการผลิตและการปลูกของแต่ท้องถิ่นแต่ละที่  ชาเขียวญี่ปุ่น เรียกรวมๆ ว่าเรียวกุฉะ (Ryokucha) ซึ่งญี่ปุ่นจะมีประเพณี พิธีชงชา (Tea ceremony) หรือซะโด (Sado)  เป็นพิธีกรรมที่เก่าแก่ที่มีมาตั้งแต่โบราณ