โดยทั่วไป ชุดกิโมโนและชุดยูกาตะ เป็นเครื่องแต่งกายที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น เสมือนชุดประจำชาติ ที่เราสามารถเห็นชาวญี่ปุ่นสวมใส่ในชีวิตประจำวันตามสถานที่ต่างๆ รวมทั้งในวาระโอกาสสำคัญๆ แต่เรามักจะไม่สามารถแยกออกว่าชุดทั้งสองแตกต่างกันอย่างไร
สำหรับชุดกิโมโนเป็นเครื่องแต่งกายดั้งเดิมมีหลายแบบ ซึ่งคนญี่ปุ่นจำเป็นต้องเลือกสวมใส่ชุดกิโมโนให้เหมาะสมกับกาลเทศะ และวาระโอกาส แต่สำหรับชุดยูกาตะ เป็นชุดลำลองที่ใส่สบายในฤดูร้อน โดยใช้ผ้าจะระบายอากาศได้ดี มีสีสันและลวดลายสดใสแบบญี่ปุ่น ลักษณะคล้ายชุดกิโมโน แต่สวมใส่ง่ายกว่า
ชุดกิโมโน (Kimono) 着物
ชุดกิโมโน มักตัดเย็บด้วยผ้าที่มีราคาแพง คุณภาพสูง มีการตัดเย็บที่ประณีต สำหรับการสวมใส่ชุดกิโมโนจะมีการใส่ซ้อนทับกันหลายชั้นโดยคำนึงถึงการเรียงสีที่คอเสื้ออย่างสวยงาม ผ้าคาดเอวและเครื่องประดับมีจำนวนหลายชิ้น จึงจำเป็นต้องมีผู้ช่วยในการสวมใส่
เนื้อผ้าที่ใช้จะทำมาจากเนื้อหนา ไม่มีความโปร่ง ที่เห็นเนื้อผ้ามีลวดลายสวยงามและราคาแพง เพราะบางเนื้อผ้าทำมาจากผ้าไหม และความกว้างของโอบิ หรือผ้าคาดเอว จะมีขนาดที่กว้าง และสวมใส่ยากกว่า ส่วนใหญ่จะสวมใส่ไปงานที่เป็นพิธีการสำคัญต่างๆ โดยในยุคสมัยเอโดะ คนส่วนใหญ่จะสวมใส่ในช่วงฤดูหนาว
จากรูปเป็นชุดกิโมโนเป็นแบบ “ฟุริโซเดะ” 振袖 มีลักษณะชุดแขนยาว ดังนั้นชุดจะมีความยาวมากกว่าชุดกิโมโนปกติ ด้วยจำนวนชั้นมี 2 ชั้น และด้านในชุดรองอีก 1 ชั้น รวมทั้งหมด 3ชั้น ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้เวลาในการสวมชุดประมาณ 1 ชม. และมักจะสวมใส่กันในโอกาสต่างๆ เช่น
1.พิธีแต่งงานแบบญี่ปุ่น
2.การไหว้ขอพร
3.พิธีบรรลุนิติภาวะ
4.งานเทศกาล
5.พิธีชงชา
ชุดยูกาตะ (Yukata) 浴衣
ชุดยูกาตะ จะมีเนื้อผ้าที่เบาสบาย เหมาะสำหรับสวมใส่ในฤดูร้อน เนื้อผ้าส่วนใหญ่จะทำมาจากผ้าฝ้าย ผ้าลินิน หรือผ้าโพลีเอสเตอร์ ที่ค่อนข้างโปร่ง โล่ง สบาย อากาศถ่ายเทได้ง่าย โดยโอบิ หรือผ้าคาดเอว จะมีลักษณะไซส์ที่ไม่ใหญ่มาก การมัดโบว์จะเป็นรูปทรงที่ง่าย ใช้เวลารวดเร็วในการผูก จำนวนชั้นของชุดยูกาตะมีแค่ชั้นเดียว ไม่มีปกชั้นด้านใน ใช้เวลาสวมใส่ประมาณ 20 – 30 นาที โดยผู้สวมใส่สามารถสวมใส่ได้ด้วยตนเอง
เนื่องจากชุดยูกาตะที่มีความเบาบาง สวมใส่สบาย คนญี่ปุ่นมักจะนิยมสวมใส่ไปงานเทศกาลต่างๆ ในช่วงฤดูร้อน โดยเฉพาะหนุ่มสาวจะสวมใส่ชุดไปตามงานเทศกาลต่างๆ หรือ งานเทศกาลชมพลุ รวมถึงที่พักประเภทเรียวกัง มักจะมีบริการชุดยูกาตะให้ใส่เป็นชุดหลังแช่ออนเซ็นหรือชุดสำหรับใส่ลำลองในที่พัก
แนะนำวิธีการสวมใส่ชุดยูกาตะ
สำหรับคนที่ได้ไปเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่น จะเห็นคนญี่ปุ่นใส่ชุดยูกาตะ รวมถึงเจอร้านที่ขายชุดยูกาตะ อย่างมากมายแน่นอน และแน่นอนการที่ได้ซื้อชุดยูกาตะมาเป็นของฝาก หรือ ซื้อใส่เองอยู่ที่บ้าน ก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากอีกต่อไป
ซึ่งชุดยูกาตะที่ขายตามร้านต่างๆที่ญี่ปุ่นจะมีอยู่ 2 ประเภท
1.ประเภทแบบสำเร็จรูปแล้ว สวมใส่ง่ายมาก เพราะมีแค่เสื้อ และกระโปรง เชือกรัดโบว์
2.ประเภทแบบออริจินอลที่ต้องสวยและจับทรงพับและผูกโอบิด้วยตนเอง ซึ่งมีหลากหลายชิ้น ขั้นตอนการใส่ก็อาจจะยากกว่าประเภทแรก
ทางวาเซดะจะมาแนะนำสอนวิธีการใส่ชุดยูกาตะแบบง่ายๆ ในแบบออริจินอล ที่ทุกคนสามารถนำไปลองสวมดูกันได้
สำหรับการสวมใส่ชุดยูกาตะ ต้องมีอะไรบ้าง
1. ชุดยูกาตะ สามารถเลือกชุดที่มีลายสีสันได้ตามใจชอบ
หมายเหตุ :บางร้านจะมีขายชุดยูกาตะ คู่กับโอบิ หรือบางร้านอาจจะขายแยกกัน
2.โอบิ สำหรับคาดช่วงเอว จะมีอยู่ 2 แบบ
2.1. ผ้าคาดเอวแบบปกติ มีทั้งด้านหน้า ด้านหลัง และบางผืนมี 2 สี
2.2 ผ้าที่มีลวดลาย เพิ่มมูลค่าให้ชุดยูกาตะ ดูหรูหรา สวยงาม
3. เชือกรัด 2 เส้น บางร้านอาจจะมีแถมมาพร้อมชุดให้
4.ยางยืดรัดเอว 2 เส้น ในปัจจุบันที่ญี่ปุ่นมียางยืดที่รัดและตัวหนีบที่ยึดกับชุดทั้งสองข้างให้โดยเฉพาะ เพื่อไม่ให้ชุดหลุดออกจากกัน
5.แผ่นรองโอบิ ช่วยเสริมรองรับให้มีความแน่นมากขึ้น ป้องกันเรื่องรอยย่นของผ้า เพิ่มความสวยงามชุดได้
หมายเหตุ : หากไม่มีแผ่นรอง สามารถใช้หนังสือพิมพ์หรือกระดาษมารองรับได้
วิธีการสวมใส่ชุดยูกาตะ
1.เริ่มจากการสวมชุดยูกาตะ ลักษณะของชุดจะมีความยาวกว่าลำตัว แต่หากสวมใส่เสร็จแล้วจะมีความพอดี ช่วงแขนจะมีรูทั้งสองข้าง
2.จับยูกาตะบริเวณกลางลำตัวทั้งสองข้างแล้วดึงไปด้านหน้า ยกขึ้นมาให้ชายเสื้ออยู่บริเวณตาตุ่ม
3, พาดทั้งสองข้างทับกัน โดยฝั่งซ้ายทับฝั่งขวาเท่านั้น
หมายเหตุ :คนญี่ปุ่นมีความเชื่อว่า ฝั่งขวาทับฝั่งซ้าย เป็นการสวมชุดให้คนตาย จึงต้องควรระวัง
4.ใช้เชือกรัดเอว รัดบริเวณขอบกางเกงเอวต่ำ มัดให้แน่นและเก็บเชือกให้เรียบร้อย
5.ดึงชายเสื้อบริเวณที่ผูกเอว ดึงขึ้นมาและเอามือสอดรูจากแขน โกยบริเวณจากด้านหลังมาด้านหน้าให้ตึง และปิดบริเวณด้านหน้า ไม่ให้ดูโป๊จนเกินไป เก็บให้เรียบร้อย ส่วนด้านหลังให้โชว์เห็นต้นคอ
6.ใช้เชือกอีกเส้นรัดบริเวณใต้หน้าอกมัดให้แน่นและเก็บให้เรียบร้อย
7.สวมโอบิทับบริเวณเอวและมัดเป็นโบว์ เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
ห้องเรียนรู้กิจกรรมวัฒนธรรมญี่ปุ่น วาเซดะ จ.เชียงใหม่
โรงเรียนสอนวัฒนธรรมและภาษาญี่ปุ่นวาเซดะ สาขาเชียงใหม่ มีสถานที่จัดกิจกรรมที่ทุกท่านจะได้สัมผัสกับบรรยากาศความเป็นญี่ปุ่นของจริง ซึ่งทางเรามีกิจกรรมต่างๆ มากมายนอกจากการเรียนภาษาญี่ปุ่นแล้ว แต่เราจะได้เรียนรู้วัฒนธรรมญี่ปุ่นได้ทั้งประโยชน์ ความรู้ สนุกสนาน และถ่ายรูปสวยๆ ไม่ว่าจะเป็น พิธีชงชา สอนการสวมชุดยูกาตะ การพับกระดาษโอริกามิ หรือการทำขนมญี่ปุ่น ฯลฯ หากใครที่ได้ไปจ.เชียงใหม่ อย่าลืมแวะมาทำกิจกรรมที่โรงเรียนวาเซดะกันได้นะครับ
⏩️สามารถติดตามกิจกรรมดีๆ และเนื้อหาสาระดีๆ เกี่ยวกับญี่ปุ่นได้ที่นี่