คุณผดุงพล แย้มวิเชียร (ตะวัน)
Q1: ประวัตินักเรียน
ตะวัน เรียนจบด้านคอมพิวเตอร์ และอยากค้นหาตัวเองจึงตัดสินใจมาเรียนภาษาญี่ปุ่นที่จังหวัดฮอกไกโด ปัจจุบันเรียนอยู่ที่ Hokkaido Japanese Language Academy ระยะเวลา 1 ปี เรียนเนื้อหาระดับ N3 ที่เลือกโรงเรียนนี้ เนื่องจากที่ตั้งของโรงเรียนอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟ สวน ภูเขาและทะเล เดินทางได้สะดวก อีกทั้งยังชอบจังหวัดฮอกไกโดเป็นทุนเดิม เพราะเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยธรรมชาติทำให้สามารถพักผ่อนและผ่อนคลายเวลาเหนื่อยล้าได้
Q2: การเตรียมตัวและจุดประสงค์ในการไปเรียนที่ญี่ปุ่น
ก่อนมาเรียนที่ญี่ปุ่น ได้ลงเรียนคอร์สเรียนกับทางวาเซดะไป 2 คอร์ส และก็มีอ่านหนังสือบ้าง บวกกับปกติก็ดูอนิเมะอยู่ทุก ๆ วันและได้พูดคุยทักทายกับเพื่อนชาวญี่ปุ่นในเกมด้วย จึงมีผ่านหูผ่านตามาบ้าง จุดประสงค์ในการไปเรียนที่ประเทศญี่ปุ่น คืออยากไปหาประสบการณ์ใหม่ ๆ ในชีวิต เพราะช่วงที่เรียนจบมหาวิทยาลัยใหม่ ๆ เป็นช่วงที่โควิด – 19 กำลังแพร่ระบาด ทำให้ไม่สามารถออกไปใช้ชีวิตข้างนอกได้เลย หลังจากการแพร่ระบาดเริ่มเบาลงเลยตัดสินใจมาเรียน
Q3: ความคาดหวังในการเรียน
ความจริงแล้วอยากเรียนในคอร์สอีกระดับหนึ่ง แต่เนื่องด้วยที่ระดับภาษาของตัวเองยังไม่ถึงขั้นที่ทางโรงเรียนกำหนด เลยได้เรียนที่ระดับ Beginner แต่ก็ไม่ได้คิดว่าแย่ เพราะตัวเองก็เหมือนได้ทบทวนเนื้อหาและสำรวจตัวเองด้วยว่าพร้อมไประดับต่อไปไหม อีกทั้งยังมีเพื่อนที่มาเริ่มใหม่ไปพร้อม ๆ กันด้วย เลยทำให้รู้สึกสนุกไปอีกแบบ ซึ่งสำหรับผู้ที่ต้องการจะสอบให้ผ่านในระดับ N1 – N2 – N3 อาจจะรู้สึกเสียเวลา แต่สำหรับผมที่เน้นการใช้ชีวิตมากกว่าเลยไม่ได้กังวลเท่าไหร่ จากที่เรียนมาทั้งกับวาเซดะและก็ที่นี่ โดยส่วนตัวแล้วคอร์สที่เรียนกับทางวาเซดะได้ใช้พูดคุยมากกว่าคอร์สเรียนของที่นี่ ไม่รู้ว่าคอร์สที่ระดับสูงกว่า Beginner เป็นอย่างไร แต่ถ้าให้ดีคิดว่าเรียนกับทางวาเซดะ 2 คอร์สแล้วไปเรียนต่ออีกระดับเลยจะดีกว่า
Q4: บรรยากาศของโรงเรียนเป็นอย่างไร
บรรยากาศภายในห้องเรียนจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับว่าเจอเพื่อนจากประเทศอะไรครับ มีกิจกรรมให้เข้าร่วมทั้งของโรงเรียนเองแล้วก็ภายในตัวเมืองด้วย
Q5: สิ่งที่วาดภาพหรือคาดหวังเอาไว้ก่อนไปเรียนที่ประเทศญี่ปุ่นตรงกับที่วาดภาพเอาหรือไม่ หลังจากที่ได้ไปอยู่
หลายอย่างก็ค่อนข้างตรง แต่ว่ามันก็มีบางเรื่องที่ไม่ตรงอยู่บ้าง อย่างเช่น การไปคอนเสิร์ตที่ประเทศญี่ปุ่น ผมได้มีโอกาสไปคอนเสิร์ตของ ONE OK ROCK และ YOASOBI ถ้าเป็นประเทศอื่นอาจจะสามารถกระโดดเต้น ร้องเพลงไปตามศิลปินได้ สามารถบันทึกภาพบรรยากาศในคอนเสิร์ตได้ แต่ที่ประเทศญี่ปุ่นด้วยกฎระเบียบต่าง ๆ ก็เลยทำได้แค่นั่งแล้วก็โบกมือ เลยรู้สึกว่าสนุกกับคอนเสิร์ตได้ไม่เต็มที่เท่าไหร่ แต่มองในอีกแง่มุมหนึ่งก็ถือว่าเป็นระเบียบดี อีกเรื่องก็คือที่ประเทศญี่ปุ่น (ฮอกไกโด) ร้านอาหารปิดค่อนข้างเร็ว จะกินอะไรก็ต้องรีบออกมา แถมรู้สึกว่าฮอกไกโดมืดเร็วกว่าที่อื่น ๆ ด้วย ไม่แน่ใจว่าภูมิภาคอื่น ๆ จะเป็นเหมือนกันหรือไม่
Q6: การใช้ชีวิตประจำวันที่ญี่ปุ่นเป็นอย่างไรในเรื่องของหอพักเป็นหอที่ทางโรงเรียนติดต่อไว้ เลยได้รับการแนะนำมาครับ แล้วก็ด้วยความที่เป็นคนชอบทำอาหารและโดยส่วนตัวคิดว่ารสชาติอาหารญี่ปุ่นค่อนข้างไม่หลากหลาย เลยมักจะไปหาวัตถุดิบในแต่ละถิ่นมาทำกินเอง ที่ฮอกไกโดมีวัตถุดิบให้นำมาใช้ทำอาหารได้ตลอด อีกทั้งการทำอาหารกินเองก็ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้มากขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้ผมก็ได้ทำงานพิเศษที่ร้านราเมนข้าง ๆ หอพักด้วยครับ หัวหน้าเชฟก็ค่อนข้างเข้มงวด แต่พอเป็นเวลาอื่นที่ไม่ใช่เวลางานก็เป็นคนเฮฮาครับQ7: ตั้งแต่ไปเรียนที่ญี่ปุ่น เคยเกิดปัญหาหรือสิ่งที่ไม่คาดคิดมาก่อนบ้างไหม แล้วมีวิธีแก้หรือรับมือกับสิ่งนั้นอย่างไรสำหรับผมก็ไม่ค่อยมีปัญหาอะไรมาก ด้วยความที่ตัวเองเป็นคนที่ปรับตัวได้ง่าย ถ้ามีก็คงจะเป็นเรื่องการแยกขยะที่ในช่วงแรกจะค่อนข้างอึดอัดและยังไม่ปรับตัวไม่ได้ เพราะด้วยความที่อยู่ไทยมาตลอดจะทิ้งขยะก็ทิ้งเลยไม่ค่อยได้มาคัดแยกตลอดแบบตอนอยู่ญี่ปุ่น แต่หลังจากผ่านไปประมาณเดือนสองเดือนก็เข้าที่เข้าทางแล้วครับ ส่วนในตอนที่เหนื่อยล้าหรือตึงเครียดก็ไปเดินเล่นพักผ่อนที่สวนครับ ที่ฮอกไกโดมีธรรมชาติรายล้อมเยอะต่างจากเมืองอย่างโตเกียวหรือว่ากรุงเทพฯครับ
Q8: คิดว่าตัวเองก่อนไปเรียนที่ญี่ปุ่นกับหลังไปเรียนมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้างไหม
รู้สึกว่าฟังภาษาญี่ปุ่นได้ง่ายขึ้นและก็พูดภาษาญี่ปุ่นได้เป็นธรรมชาติมากขึ้น ก่อนหน้าที่จะมาเรียนที่ญี่ปุ่นต้องใช้เวลาคิดคำก่อนพูด หรือตอนปกติเวลาดูอนิเมะต้องคอยอ่านซับตลอด แต่ทุกวันนี้การดูการฟังสบายขึ้นเยอะ ถึงจะมีฟังไม่ทันจนต้องอ่านซับอยู่บ้างแต่ดีขึ้นมาจากเดิมเยอะ ถ้าแค่การฟังให้ตัวเอง 80% แต่ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจความหมายโดยรวมทั้งหมดเนื่องจากบางคำมันก็มีความหมายหลากหลายกำกวม เรื่องสนทนาพูดคุยก็อาจจะยังไม่ตรงหลักไวยากรณ์ 100%
Q9: หลังจากที่ไปเรียนที่ญี่ปุ่นมาระยะเวลาหนึ่งประทับใจอะไรมากที่สุด และมีเป้าหมายหลังจากเรียนจบอย่างไร
อาจารย์ประจำชั้นครับ คอยเอาใจใส่ คอยตามดูแลนักเรียนดีครับ ส่วนเป้าหมายก็ตั้งเป้าเอาไว้ว่าจะสอบ N3 ให้ผ่าน แล้วก็กลับมาที่ไทยอาจจะเปิดร้านอาหารในจังหวัดบ้านเกิดครับ
Q10: การไปเรียนที่ญี่ปุ่นครั้งนี้มีสิ่งที่อยากทำแต่ยังไม่ได้ทำบ้างไหม แล้วคิดว่าการไปญี่ปุ่นรอบนี้คุ้มค่าหรือยัง
คิดว่าคุ้มค่าแล้วครับ ได้ลองอะไรใหม่ ๆ หลาย ๆ อย่างเยอะมากครับ ส่วนเรื่องที่อยากทำแต่ยังไม่ได้ทำคือการดำน้ำครับ เพราะจากที่ลอง ๆ ไปเล่นน้ำมาคิดว่าคงทำไม่ได้ที่ฮอกไกโดครับ เพราะว่ามันหนาวเกินไป แล้วก็อยากจะไปปาร์ตี้กับเพื่อน ๆ ชาวญี่ปุ่นให้มากกว่านี้ครับ อยากจะพูดคุยให้เป็นกันเองเหมือนเพื่อนกันมากกว่านี้ครับ
Q11: มีเรื่องอยากจะเสริมเพิ่มเติมนอกเหนือจากที่ถามไป หรือมีอะไรอยากจะฝากถึงรุ่นน้องไหม
อยากจะให้วางแผนและเป้าหมายในชีวิตของตัวเองให้ดี อยากจะมาทำอะไรที่ญี่ปุ่น มาทำงานหรือมาเพื่อเก็บประสบการณ์ชีวิต ถ้ามาเพื่อที่จะทำงานหรือมาสอบก็อยากให้เตรียมตัวมาจากไทยให้เรียบร้อย ถ้าเราได้ N2 มันก็จะช่วยต่อยอดให้เราได้ไวมากขึ้น หรือถ้ามาเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ก็ไม่ต้องกลัวที่จะพูดคุยกับคนญี่ปุ่นครับ ออกไปคุยออกไปทักทายจะได้ใช้ภาษาที่เราเรียนมาจริง ๆ แต่แนะนำสำหรับคนที่ชอบบรรยากาศสนุก ๆ เฮฮาปาร์ตี้กับเพื่อน ๆ ที่ญี่ปุ่นอาจจะยังไม่ใช่ตัวเลือกนั้นเท่าไหร่ เพราะประเทศญี่ปุ่นค่อนข้างที่จะมีความจริงจังมากกว่า อย่างในช่วงมืดค่ำถ้าใครส่งเสียงดังก็จะมีคนโทรแจ้งตำรวจให้มาไล่ออกไปด้วยครับ
🎉สนใจติดต่อสอบถามเพิ่มเติม
โรงเรียนภาษาและวัฒนธรรมญี่ปุ่นวาเซดะ
Waseda กรุงเทพ 02-670-3456 / 080-269-0678
Waseda ศรีราชา 038-338-999 / 083-338-999
Waseda เชียงใหม่ 053-211-888 / 095-243-4248
Line: https://lin.ee/ijDtsVM @waseda2japan (มี @ ด้วยนะครับ)
#โอกาสมาแล้ว รีบคว้าไว้กันนะครับ