เนื่องจากประเทศญี่ปุ่นมีบริเวาณพื้นที่จำกัด การไม่สร้างภาระด้านขยะ จึงเป็นทางออกที่ดีต่อประเทศและสภาพแวดล้อมญี่ปุ่นจึงมีวัฒนธรรมการแยกขยะที่ละเอียด รวมถึง การกำหนดวันทิ้งขยะ ที่ถูกแยกในแต่ละประเภทแล้วเช่นกัน
เพื่อลดภาระของฝ่ายจัดการขยะและลด ขยะที่เจือปนสิ่งสกปรก การแบ่งประเภทขยะที่ถูกต้องและเหมาะสม จะช่วยกำจัดขยะได้อย่างถูกวิธี จึงเป็นเรื่องที่ชาวญี่ปุ่นปฎิบัติเป็น นิสัย อีกทั้งชาวญี่ปุ่นยังนิยมรีไซเคิลสิ่งของที่สามารถนำกลับมาแปร รูปใหม่ หรือ รียูสสิ่งของที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ เช่น เสื้อผ้ามือ สอง เครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น ดังนั้น ประเทศญี่ปุ่นจึงมีร้านมือสอง คุณภาพดีมากมาย
รู้หรือไม่ : สินค้ามือสองของญี่ปุ่น สภาพดูดีมาก ๆ เพราะคนญี่ปุ่นใช้ของอย่างทะนุทะนอมเพื่อส่งต่อของใช้ให้ คนถัดไปได้ อีกทั้งยังเป็นธุรกิจที่เติบโตอย่างมากในปัจจุบัน และเป็นที่นิยมแพร่หลายทั้งคนญี่ปุ่น และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติอีกด้วย
ประเทศญี่ปุ่นที่เคยผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากมาก่อน ความสามัคคี และการร่วมช่วยเหลือกัน จึงเป็นหนึ่งในจิตสำนึกดั้งเดิมที่ ติดตัวชาวญี่ปุ่นมา ดังนั้น เพื่อไม่ให้รบกวนหรือสร้างความเดือดร้อนแก่ บุคคลรอบข้าง ชาวญี่ปุ่นมักจะคำนึงถึงผลกระทบไปยัง บุคคลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง หรือ มีนิสัยขี้เกรงใจบุคคลรอบ ข้างมาก ๆ
รู้หรือไม่ : เมื่อไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่น ต้องรักษามารยาท และ กาละเทศะ เพื่อไม่เป็นการรบกวนคนรอบข้าง หรือ แม้แต่ในการใช้ชีวิตประจำวัน ก็ควรคำนึงถึงผู้อื่นด้วย เช่น
1.การทิ้งขยะให้ตรงถัง
2.สูบบุหรี่ในโซนสูบบุหรี่เท่านั้น
3.การไม่เดินไปกินไปบนถนน
4. การไม่คุยโทรศัพท์/ ส่งเสียงรบกวนบนขนส่งสาธารณะ
5.การเข้าแถวตามคิวในการซื้อของหรือรับการช่วยเหลือต่างๆ เป็นต้น
เมื่อชาวญี่ปุ่นนึกถึงบุคคลรอบข้างและการจัดการขยะเป็นอย่างดี สิ่งเหล่านั้น ทำให้ประเทศญี่ปุ่นมีประชากรที่ให้ความสำคัญในเรื่องการรักษาความสะอาด และการดูแลขยะของ ตัวเองในที่สาธารณะหรือส่วนรวมเป็นอย่างดี
รู้หรือไม่ : ตามสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่นไม่ค่อยมี“ถังขยะ” ดังนั้น ชาวญี่ปุ่นจึงไม่นิยมเดินไปกินไป หรือ ซื้อขนมจากอีกที่นึงไปทานอีกที่นึง เพราะหาถังขยะยากมาก หากมีขยะติดตัวจะต้องพกขยะไปทิ้งตามจุด ทิ้งขยะโดยเฉพาะหรือนำกลับไปทิ้งที่บ้านของตนเอง
ตามข้อด้านบนหากเราทานอาหารเหลือก็จะกลายเป็นขยะที่ต้องจัดการ ขึ้นมาทันที ประเทศญี่ปุ่นจึงคอยปลูกฝังความเชื่อว่า ในข้าวเมล็ด เดียวมีเทพเจ้าอยู่เจ็ดองค์ หรือการสอนเรื่องความยากลำบากของชาวนาที่กว่าจะได้ข้าวมาแต่ละเม็ดนั้นเหนื่อยยาก เพื่อที่จะได้ไม่ทานอาหารเหลือ หรือ หากทานไม่เรียบร้อย ทานมูมมาม ก็จะทำให้ เกิดการรบกวนแก่บุคคลรอบข้างได้ ชาวญี่ปุ่นจึงมีมารยาทการ รับประทานอาหารที่เป็นระเบียบ และรักษาความสะอาดระหว่างการรับประทานอาหารอย่างดี
รู้หรือไม่ : ก่อนทานอาหารชาวญี่ปุ่นจะพูดว่า いただきます!(อิตาดะคิมัส) เพื่อบอกว่า “จะทาน แล้วนะ” กับ ごちそうさまでした!(โกจิโซซามาเดชิตะ) เพื่อบอกว่า “ขอบคุณสำหรับอาหาร” ในทุกมื้ออาหาร เพื่อเป็นการให้เกียรติและขอบคุณ
ประเทศญี่ปุ่นมีความแตกต่างด้านวัฒนธรรมการทาน รวมถึงเมนูอาหารเองก็มีความแตกต่างจากประเทศไทยมากมาย เช่น
-เมืองอยู่ติดทะเล ทำให้เนื้อสัตว์ของญี่ปุ่นมักจะเป็นปลา หรือ ซีฟู้ด
-ภูมิประเทศเป็นเกาะ ทำให้ผลไม้ราคาแพงและไม่หลากหลาย
-รสชาติอาหารญี่ปุ่น จะเน้นรสอ่อน ไม่จัดจ้าน เน้นรสโชยุ / เกลือ เป็นต้น
คนญี่ปุ่นใส่ใจต่อเรื่องเวลาเป็นอย่างมาก ถึงขนาดที่ว่าหากมาสาย อาจจะไม่สามารถเข้าสอบ หรือไม่สามารถเข้าทำงานได้เลยก็มี ดังนั้น เพื่อไม่ให้ตัวเองต้องเดือดร้อน และไม่สร้างความเดือดร้อนให้คนรอบข้าง การตรงต่อเวลา จึงกลายเป็นเรื่องปกติของคนญี่ปุ่นที่ต้องปฏิบัติกัน
รู้หรือไม่ :ในประเทศญี่ปุ่น ตารางการเดินทาง เช่น บนรถบัส รถไฟ หากสายแม้แต่เพียง 20 วินาที อาจจะไม่ทันขึ้นรถไฟแล้วก็ได้นะ หรือทุก ๆ สถานที่ เปิด – ปิดร้าน หรือแม้กระทั่งตารางเข้า–ออกเวลาทำงาน มีเวลากำหนดชัดเจน จะตรงตามเวลามากๆ เพราะฉะนั้น ควรเผื่อเวลาและรักษาเวลาให้ดี ไม่ว่ากับการเดินทาง หรือการพบปะเจอคนอื่น ๆ ก็เช่นกัน
การใช้ชีวิตในต่างประเทศนั้น ควรมีความเข้าใจในวัฒนธรรม ประเพณี หรืออุปนิสัยและความคิดพื้นฐานของญี่ปุ่น เพื่อให้เกิดความคุ้นชิน และไม่ปฏิบัติผิดวัฒนธรรมในประเทศ รวมถึงการมีส่วนร่วม และสนุกไปกับประเพณี วัฒนธรรมของญี่ปุ่นที่มีหลากหลาย ก็จะช่วยสร้างสีสันให้ชีวิตประจำวันได้อีกเช่นกัน
ค่าเงินประเทศญี่ปุ่นเรียกว่า เงินเยน ในปัจจุบันเรทเงินตกลงมาอยู่ที่ประมาณ 1 เยน I 0.23-0.25 หรือ 100 เยน I 23-25 บาท จากแต่ก่อนเรทเงินอยู่ที่ประมาณ 0.29 หรือเคยขึ้นสูงสุดถึง 0.38 ก็มี อีกทั้งราคาสินค้า และบริการ ก็มีความแตกต่างกันอีกด้วย ซึ่งหากใครที่รักการช็อปปิ้ง ซื้อของอย่างเช่น สินค้ามือสอง รองเท้า ขนม เกมส์ เอนิเมะ และสินค้าอื่นๆ ช่วงนี้เหมาะกับการแลกเงินไปเที่ยวกันเลยทีเดียว
ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ตั้งอยู่บนรอยต่อของแผ่นเปลือกโลก 4 แผ่น หรือ บริเวณโซนวงแหวนไฟ ทำให้มักเกิดเหตุการณ์ภัยพิบัติธรรมชาติบ่อยๆ เช่น แผ่นดินไหว , พายุใต้ฝุ่น, อุทกภัย, พายุหิมะ, คลื่นความร้อน เป็นต้น ดังนั้นควรศึกษาวิธีการรับมือให้ดี เพื่อให้มีสติเวลาเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
รู้หรือไม่ : ด้วยเทคโนโลยีและช่องทางการสื่อสารที่ทันสมัยขึ้น เวลาเกิดภัยพิบัติต่างๆ ภายในประเทศญี่ปุ่น จะมีข้อความเตือนให้แก่ประชาชนรับทราบโดยทั่วกัน รวมถึงชาวต่างชาติที่ท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่นและใช้เครือข่ายสัญญาณในประเทศญี่ปุ่นด้วย
ประเทศญี่ปุ่น คนส่วนใหญ่จะไม่ค่อยใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร โดยเฉพาะนอกเมืองและต่างจังหวัด ในส่วนย่านใจกลางเมืองใหญ่ หรือย่านที่มีนักท่องเที่ยวเยอะ เช่น โตเกียว โอซาก้า ฯลฯ มีการใช้ภาษาอังกฤษมากขึ้น แต่ถ้าหากเรามีการเรียนรู้ เข้าใจภาษาญี่ปุ่นในเบื้องต้น เช่น คำทักทาย สั่งอาหาร ซื้อของ หรือที่เราใช้ในประจำวัน จะทำให้เราเข้าใจและสนุกกับการได้พูดคุยกับคนในท้องถิ่น แถมได้เพื่อนใหม่เพิ่มมาอีกด้วยนะครับ
ซึ่งทางโรงเรียนวาเซดะ มีหลักสูตรสอนภาษาญี่ปุ่น เริ่มต้นตั้งแต่สำหรับคนที่ไม่มีพื้นฐาน สอนโดยกับอาจารย์ชาวญี่ปุ่นเจ้าของภาษาโดยตรง ได้ทั้งทักษะ ฟัง พูด อ่านเขียน และนอกจากนี้มีเจ้าหน้าที่ให้คำปรึกษาด้านการเรียนต่อ ทำงานต่างประเทศอีกด้วย
สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่🔽
⏩️สามารถติดตามกิจกรรมดีๆ และเนื้อหาสาระดีๆ เกี่ยวกับญี่ปุ่นได้ที่นี่